โรคปอดอักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจป้องกันได้โรคปอดอักเสบหรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของอาการ "ปอดบวม" ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อปอดติดเชื้อระบบภูมิคุ้มกันร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวมาที่เซลล์ปอดเพื่อทำลายเชื้อโรค ทำให้เซลล์ปอดบวมใหญ่ขึ้นจนเป็นที่มาของคำว่า "ปอดบวม" นั่นเอง
‘ไวรัส’ และ ‘แบคทีเรีย’ สาเหตุติดเชื้อโรคปอดอักเสบ
ไอ จาม มีเสมหะ เจ็บหน้าอก อาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่อาจไม่ใช่… อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในข้างต้นว่าเราสามารถเป็นโรคปอดอักเสบได้จากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง ทั้งการไอ จาม และการสูดหายใจเอาละอองฝอยเข้าสู่ร่างกาย
เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสซาร์ส ซึ่งเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว
เชื้อแบคทีเรีย เช่น แบคทีเรียนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดที่ทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิม
ใครบ้างเสี่ยงเป็นปอดอักเสบ
เพราะไวรัสและแบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ หากถามว่าโรคปอดอักเสบเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง คำตอบคือ ‘ทุกคน’ แต่สำหรับผู้ที่มีลักษณะอาการบางอย่างอาจยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย หรือมีความรุนแรงของโรคปอดอักเสบรุนแรงขึ้น ได้แก่
ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องต่ำตามวัย
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65-70 ปีขึ้นไป
ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคถุงลมโป่งพองและโรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวายเรื้อรัง
ปัจจัยร่วมอื่นๆ เช่น การดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่จัด
วิธีป้องกันโรคปอดอักเสบ
หากถามว่าโรคปอดอักเสบหายเองได้ไหม ? คำตอบคือไม่สามารถหายเองได้ ซึ่งวิธีรักษาโรคปอดอักเสบในปัจจุบันยังคงเป็นการให้ยารักษาโดยแพทย์ อย่างไรก็ตาม วิธีดีที่สุดคือการป้องกันโรคปอดอักเสบตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียนิวโมคอคคัส เช่น
ล้างมือให้สะอาด ใส่หน้ากากอนามัย
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด
การเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน
โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายยังเติบโตไม่สมบูรณ์ และผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งวัคซีนป้องกันปอดอักเสบจะมี 2 ชนิด คือ ชนิด 13 สายพันธุ์ และ 23 สายพันธุ์ ควรฉีดห่างกันอย่างน้อย 2 เดือน จะทำให้สามารถป้องกันเชื้อปอดอักเสบได้นานถึง 5 ปี ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี